Untitled Document
สวัสดีครับ
เรามาต่อภาค 2 กันเลยนะครับเกี่ยวกับการใช้งาน
String Class จากบทความในตอนที่ 1ที่ได้ค้างไว้ที่ method ชื่อ substring()
ในบทความนี้ก็จะมี method มาให้ใช้กันอีก 5 ตัวครับ มาเริ่มกันเลยครับ
การแทนที่ตัวอักษรด้วย replace()
method นี้จะใช้ในการแทนที่ตัวอักษรใน String ด้วยตัวอักษรอื่น รูปแบบคือ
String1.replace('ตัวอักษรเดิม','ตัวอักษรใหม่')
อธิบายโปรแกรม
จากโปรแกรมในบรรทัดที่ 7 ผมเขียนคำว่า "Java" เป็น String ตัวนึง
(จริงๆ อยากใช้คำว่า WebThaiDD อีก แต่เดี๋ยวจะเบื่อกันเสียก่อนหาว่าโฆษณาจนเกินหน้าเกินตา)
ผมใช้ replace() โดยจะเปลี่ยนตัวอักษร a เป็นตัว o นะครับ จะเห็นว่า output ที่ได้จะพิมพ์คำว่า
"Jovo" ออกมาครับ โดยมันจะเปลี่ยนตัวอักษร a ที่มีทั้งหมดในข้อความให้เป็นตัว
o ครับ ข้อสัเกตอีกนิด คือ พารามิเตอร์ในวงเล็บของ replace() นั้นเป็นตัวอักษรนะครับ
ดังนั้นจึงต้องอยู่ระหว่างเครื่องหมาย ' ' นะครับ
การตัดช่องว่างด้วย trim()
method นี้จะใช้สำหรับตัดช่องว่างด้านหน้าและด้านหลังของข้อความใน String ทิ้งไปครับ
รูปแบบคือ
String1.trim()
อธิบายโปรแกรม
จากโปรแกรมผมกำหนดให้ตัวแปร s เก็บคำว่า WebThaiDD (อดไม่ได้) โดยผมจะเว้นช่องว่างไว้ทั้งด้านหน้า
และด้านหลัง หลังจากนั้นเราจะใช้ trim() เพื่อตัดช่องว่างทิ้งไป output ที่ออกมาจะได้คำว่า
"WebThaiDD.com" ครับ
การหาความยาวของข้อความด้วย length()
method นี้จะใช้หาความยาวของ String ได้ โดยมีรูปแบบคือ
String1.length( )
อธิบายโปรแกรม
จากโปรแกรมในบรรทัดที่ 8 กำหนดข้อความไว้ที่ตัวแปร s1 จากนั้นในบรรทัดที่ 9 นำตัวแปร
s1 มาหาความยาว ของข้อความโดยเก็บไว้ที่ตัวแปร len และแสดงผลการนับออกมา การนับความยาวของข้อความนั้นจะรวมช่องว่างที่อยู่ในข้อความ
ด้วยนะครับ
การดึงตัวอักษรจากข้อความด้วย charAt()
method นี้จะใช้ดึงตัวอักษร 1 ตัวจากข้อความโดยระบุตำแหน่งที่ต้องการ มีรูปแบบคือ
String1.charAt(n)
โดย n คือ ตัวเลขของตำแหน่งที่ต้องการ
อธิบายโปรแกรม
จากโปรแกรมในบรรทัดที่ 9 กำหนดให้ c เป็นตัวแปรชนิด char เพื่อที่จะเก็บตัวอักษร
1 ตัวจากข้อความ s1 โดยใช้ charAt(2) ตัวเลขในวงเล็บจะเป็นการระบุตำแหน่งของตัวอักษรในข้อความ
s1 โดยให้นับตำแหน่งซ้ายสุดเป็น 0 ครับ
การดึงตัวอักษรมากกว่า 1 ตัวจากข้อความด้วย
getChars()
method นี้จะใช้ดึงตัวอักษรมากกว่า 1 ตัวจากข้อความโดยจะนำไปเก็บไว้ในตัวแปรชนิด
Array รูปแบบคือ
String1.getChars(int start,int
end,char taget[ ],int targetStart)
int start =
ตำแหน่งเริ่มต้นที่จะดึงใน String
int end = ตำแหน่งสุดท้ายที่จะดึงใน String
char taget[ ] = เป็น Array ที่จะใช้เก็บผลลัพธ์จากการดึงข้อมูลมาจาก
String
int targetStart = กำหนดตำแหน่งเริ่มต้นใน Array
ที่จะให้เก็บผลลัพธ์
อธิบายโปรแกรม
method นี้ถ้าดูดีๆ จะคล้ายกับ substring() แหละครับ แต่ต่างกันตรงที่ตัวอักษรเหล่านี้จะถูกเรียงเก็บไว้ใน
Array โดยจะใช้พารามิเตอร์ถึง 4 ตัวระบุลงไป ในบรรทัดที่ 9 จะเห็นว่าเราจะใช้ s.getChars
แบบลอยๆ เลยนะครับไม่ต้องมีตัวแปร มารับเหมือนตัวอย่างอื่นๆ เพราะค่าที่ได้จะถูกเก็บไว้ใน
Array อยู่แล้วซึ่งก็คือ buf ส่วน 19 เป็นจุดเริ่มต้นของข้อความที่เราจะเก็บ จาก
s และ 24 เป็นตำแหน่งสุดท้ายครับ ส่วน 0 เป็นการกำหนดให้เริ่มเก็บที่ index ของ
Array ตำแหน่งที่ 0 (buf[0]) ซึ่ง output ที่ได้คือคำว่า "Learn" ครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับสำหรับ String Class ผมคงนำ
method ที่น่าสนใจมาแนะนำให้ประมาณนี้แหละครับ ซึ่งจริงๆ แล้วยังมี method อื่นๆ
อีกใน String Class ผมคงเขียนให้หมดไม่ได้เพราะไม่งั้นคงไม่ต้องเรียนเรื่องอื่นกันพอดี
เอาเป็นว่าถ้าถึงเวลาที่จะใช้ method เหล่านั้นก็ค่อยมาเรียนรู้มันเพิ่มเติมกันไป
สำหรับบทความหน้าก็จะขึ้นเรื่องใหม่แล้วครับซึ่งเนื้อหาจะเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมอีก
ใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Java ก็ติดตามกันต่อไปนะครับ ก็ขอจบบทความเพียงแค่นี้ครับ...
|