สรุปคำสั่ง Action Script บน Flash MX(ตอนที่ 2)
คำสั่ง FRadioButton.getState
เมธอด ที่ส่งคืนค่าบูลลีนที่แสดงโดยการเลือก myRadioButton หากเลือก (มีค่าเป็น true) หากไม่ได้เลือก (มีค่าเป็น false)
การใช้งาน : myRadioButton.getState()
ค่าที่ส่งคืน : ค่าบูลลีนแสดงค่าสถานะการเลือกปุ่มเรดิโอ
ตัวอย่าง โค้ดแสดงการส่งคืนค่าสถานะที่ถูกเลือกจากปุ่ม radio1 ไปแสดงผลใน หน้าต่างเอาต์พุต
trace(radio1.getState());
คำสั่ง FRadioButton.register SkinElement
เมธอด รีจีสเตอร์สกินอีลีเมนต์ลงไปในสไตล์พรอเพอร์ตี้ Skin อีลีเมนต์จะถูกรีจีสเตอร์ไปยังพรอเพอร์ตี้ในเฟรมแรกของเลเยอร์ Read Me ในแต่ละสกินไลบรารี
การใช้งาน : myRadioButton.registerSkinElement(element, styleProperty)
พารามิเตอร์ : element มูพวี่คลิป instance.styleProperty ชื่อของพรอเพอร์ตี้ FstyleFormat
ตัวอย่าง โค้ดรีจีสเตอร์สกินอีลีเมนต์ myDot_mc ไปยัง FStyleFormat พรอเพอร์ตี้ radioDot ในไฟล์ ReadMe สำหรับ frb_dot สกินที่เก็บในโฟลเดอร์ FRadioButton Skins ในไลบรารี
radio1.registerSkinElement(myDot_mc, “radioDot”);
คำสั่ง FRadioButton.setChangeHandler
เมธอด ที่ใช้ระบุการเปลี่ยนแปลงฟังก์ชันที่เกิดจากการเรียกปุ่มเรดิโอที่เลือก ผู้ใช้งานสามารถะบุฟังก์ชันในการเปลี่ยนแปลง การเรียกใช้งานเมธอดจะเรียกผ่านค่าที่ระบุในพารามิเตอร์ Change Handler
วิธีที่ 1 : ระบุฟังก์ชันที่ไปเรียกถ้าปุ่มเรดิโอ myRadioButton มีการเลือกหรือไม่เลือก
วิธีที่ 2 : การกำหนดฟังก์ชันให้ไปเรียก ถ้ามีการเลือกปุ่มเรดิโอในกลุ่ม radioButtonGroup โดยระบุฟังก์ชันสำหรับกลุ่มของปุ่มเรดิโอเหมือนกับฟังก์ชันในทุกแต่ละปุ่มเรดิโอในกลุ่มด้วย
myRadioButton.setChangeHandler
การใช้งาน : myRadioButton.setChangeHandler(functionName, [location]) myRadioButtonGroup.setChangeHandler (functionName, [location])
พารามิเตอร์ : functionName สตริงที่ระบุชื่อของฟังก์ชันที่เอ็กซิคิวต์เมื่อค่าของปุ่มเรดิโอเปลี่ยนแปลงไป location เป็นการอ้างถึงข้อมูลออบเจ็กต์, มูพวี่คลิปหรือ Timeline ที่มีการระบุฟังก์ชัน
ตัวอย่าง การใช้งานในแบบที่ 1 โค้ดแสดงการระบุ myHandler เป็นฟังก์ชันไปเรียกเมื่อปุ่ม radio1 ถูกเลือก
radio1.setChangeHandler(“myHandler”);
การใช้งานในแบบที่ 2 : โค้ดแสดงการระบุฟังก์ชันไปเรียกเมื่อปุ่มเรดิโอในกลุ่ม radioGroup1 ถูกเลือก
radioGroup1.setChangeHandler(“onChange”);
จากโค้ดตัวอย่างเป็นการระบุ onChange ฟังก์ชันที่ไปเรียกเมื่อผู้ใช้งานเลือกปุ่มเรดิโอใน radioGroup1 เพราะว่าตำแหน่งพารามิเตอร์ไม่มีการระบุ, onChange จะทำงานใน Timeline คอมโพเน็นต์เดียวกัน โดยคอมโพเน็นต์พารามิเตอร์ใน onChange จะถูกกำหนดค่าอัตโนมัตด้วยคอมโพเน็นต์ (คอมโพเน็นต์จะเปลี่ยนผลลัพธ์ ที่ได้จากการอินพุตของผู้ใช้งานและการระบุค่าที่เปลี่ยนแปลงใน onChange) จากตัวอย่างปุ่มเรดิโอคือกลุ่มของปุ่มเรดิโอ การกำหนดแอ็กชันใน onChange เพื่อระบุเมื่อผู้ใช้งานได้เลือกปุ่มเรดิโอ โดยชื่อ instance จะไปแสดงบนหน้าต่างเอาต์พุต
radioGroup1.setChangeHandler(“onChange”); function onChange(component){ trace(component._name); }
ตัวอย่าง onChange เป็นฟังก์ชันโลคอลใน Timeline ของคอมโพเน็นต์ โดยในบรรทัดแรกจะเขียนโค้ดดังนี้:
radioGroup1.setChangeHandler(“onChange”, _parent._parent._parent);
โค้ดการสร้างฟังก์ชัน onChange ใน myObject (ของคลาส Object) และระบุ onChange เช่นเดียวกันฟังก์ชันสำหรับ radioGroup1.
myObject = new Object();
myObject.onChange = function(component){trace(component._name); }
radioGroup1.setChangeHandler(“onChange”, myObject);
คำสั่ง FRadioButton.setData
เมธอด การระบุข้อมูลด้วยปุ่มเรดิโอ โดยการเรียกเมธอดผ่านค่าพารามิเตอร์ Dat ที่กำหนดขณะเขียนโปรแกรม
การใช้งาน : myRadioButton.setData(“data”)
พารามิเตอร์ : data ข้อมูลที่กำหนดค่าของปุ่มเรดิโอ
ตัวอย่าง โค้ดระบุข้อมูล ActionScript
สำหรับปุ่มเรดิโอ flashRadio
flashRadio.setData(“ActionScript”);
คำสั่ง FRadioButton.setEnabled
เมธอด ที่ใช้กำหนดหรือยกเลิกปุ่มเรดิโอขณะรันไทม์
วิธีที่ 1 : ระบุ myRadioButton ให้ทำงาน (มีค่าเป็น true) หรือยกเลิกการทำงาน (มีค่าเป็น false)
วิธีที่ 2 : ระบุค่าทุกปุ่มเรดิโอด้วยชื่อกลุ่ม radioButtonGroup ให้เลือก (true) หรือไม่ให้เลือก (false) โดยการเลือกผ่านเมธอดที่ไม่ต้องการส่งผ่านค่าพารามิเตอร์ถ้าเหมือนกันจะส่งค่าพารามิเตอร์เป็น true
การใช้งาน : myRadioButton.setEnabled(enable) myRadioButtonGroup.setEnabled(enable)
พารามิเตอร์ : enable ค่าบูลลีนที่ระบุเฉพาะปุ่มเรดิโอหรือทุกปุ่มในกลุ่มที่เลือก (มีค่าเป็น true) หรือไม่ได้เลือก (มีค่าเป็นfalse).
ตัวอย่าง การใช้งานวิธีที่ 1 โค้ดไม่ให้เลือกปุ่มเรดิโอ radio1 ปุ่มเดียวโดยปุ่มอื่นยังทำงานปกติ
radio1.setEnabled(false);
วิธีที่ 2 : โค้ดยกเลิกการเลือกทุกปุ่มเรดิโอในกลุ่ม radioGroup1
radioGroup1.setEnabled(false);
คำสั่ง FRadioButton.setGroupName
เมธอด ที่ใช้กับชื่อกลุ่มชองปุ่มเรดิโอหรือกลุ่มของปุ่มเรดิโอขณะรันไทม์ การเรียกเมธอดผ่านทางค่าพารามิเตอร์ Group Name ที่กำหนดขณะเขียนโปรแกรม
วิธีที่ 1 : ระบุ myRadioButton เป็นสมาชิกของปุ่มเรดิโอของกลุ่ม groupName
วิธีที่ 2 : ระบุชื่อกลุ่มของทุกปุ่มใน myRadioButtonGroup ใหม่หมด
การใช้งาน : myRadioButton.setGroupName(groupName) myRadioButtonGroup.setGroupName(groupName)
พารามิเตอร์ : groupName สตริงที่ใช้ระบุชื่อของกลุ่มปุ่มเรดิโอ
ตัวอย่าง การใช้งาน
วิธีที่ 1 : โค้ดแสดงการระบุ Colors ของชื่อของกลุ่มปุ่มเรดิโอ radioRed
radioRed.setGroupName(“Colors”);
วิธีที่ 2 : โค้ดแสดงการระบุ radioGroupToys เป็นขื่อใหม่สำหรับปุ่มเรดิโอใน radioGroupGames
radioGroupGames.setGroupName(“radioGroupToys”);
คำสั่ง FRadioButton.setLabel
เมธอดที่ใช้กำหนดลาเบลให้กับปุ่มเรดิโอ myRadioButton ขณะรันไทม์ การเรียกเมธอดจะผ่านทางค่าลาเบลพารามิเตอร์ขณะเขียนโปรแกรม
การใช้งาน : myRadioButton.setLabel (label)
พารามิเตอร์ : label เป็นข้อความสตริงที่ต้องการให้ปรากฏเป็นลาเบลที่แสดงทางด้านขวาของปุ่มเรดิโอ
ตัวอย่าง โค้ดแสดงลาเบล Brown eyes บน radio1
radio1.setLabel(“Brown eyes”);
คำสั่ง FRadioButton.setLabelPlacement
เมธอด ที่ใช้ระบุตำแหน่งลาเบลที่ปรากฏทางด้านซ้ายและขวาของปุ่มเรดิโอ ที่เรียกเมธอดผ่านทางค่าพารามิเตอร์ Label Placement โดยการกำหนดค่าระหว่างการเขียบนโปรแกรม
วิธีที่ 1 : การระบุตำแหน่งของลาเบลสำหรับปุ่มเรดิโอปุ่มเดียว
วิธีที่ 2 : การระบุการวางของลาเบลสำหรับทุกปุ่มเรดิโอในกลุ่ม
การใช้งาน : myRadioButton.setLabelPlacement (labelPosition) myRadioButtonGroup.setLabelPlacement (labelPosition)
พารามิเตอร์ : labelPosition สตริงข้อความที่ใช้กำหนดตำแหน่งทางด้านซ้ายหรือขวา
ตัวอย่าง การใช้งาน
วิธีที่ 1 : โค้ดแสดงการวางลาเบลสำหรับ radio1 เพื่อวางทางด้านซ้ายของปุ่มเรดิโอ
radio1.setLabelPlacement(“left”);
วิธีที่ 2 : โค้ดแสดงการวางลาเบลให้กับปุ่มเรดิโอในกลุ่ม Colors ที่วางตรงทางด้านขวา ของปุ่ม
Colors.setLabelPlacement(“right”);
ข้อมูลจาก : http://www.arip.co.th
โดย สหรัถ แซ่ตั้ง
|